หลายคนคงเคยได้ยินชื่อเสียงของ “Next.js” ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในฐานะเฟรมเวิร์ค Front-end ที่มาแรง ถึงแม้ว่าจะเป็นเฟรมเวิร์คน้องใหม่ ในปี 2023 พบว่ากว่า 16.67% ของนักพัฒนาใช้เฟรมเวิร์ค Next.js อย่างแพร่หลาย
Trienpont International พัฒนาซอฟต์แวร์โปรเกจต์ด้วย Next.js เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้ลูกค้า
ในบทความนี้เราได้แชร์ตัวอย่างโปรเจกต์ที่ประสบความสำเร็จโดยใช้ Next.js สำหรับ Front-end กับ Shopify สำหรับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ, WordPress สำหรับเว็บไซต์ หรือแม้กระทั่ง Strapi สำหรับ Headless เว็บไซต์ นอกจากนี้เรายังรวบรวมข้อดี ข้อเสีย ของแต่ละคู่ไว้อีกด้วย
การพัฒนาส่วนหน้าที่หลากหลายด้วย Next.js
Next.js ช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้นักพัฒนาสามารถสร้างเว็บแอปพลิเคชันที่หลากหลายได้ ตั้งแต่เว็บไซต์ธรรมดา แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ไปจนถึงแอปพลิเคชันบนคลาวด์แบบไร้เซิร์ฟเวอร์
การใช้งาน Next.js ควบคู่กับ WordPress ในการพัฒนาเว็บไซต์
WordPress เป็น CMS ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 43.1% ของเว็บไซต์ทั้งหมดบนอินเทอร์เน็ตพัฒนาขึ้นด้วย WordPress เนื่องจากเป็น CMS ที่มีปลั๊กอินหลากหลาย และกลุ่มคอมมูนิวตี้แหล่งรวบรวมความรู้ขนาดใหญ่ที่สามารถอ่านได้หลากหลายช่องทาง (อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ WordPress ได้ที่นี้)
ข้อดีของการใช้งาน Next.js ควบคู่กับ WordPress
- การจัดการเนื้อหาที่คุ้นเคย: WordPress เป็น CMS ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการจัดการเนื้อหาที่ใช้งานง่าย ยิ่งเมื่อทำงานควบคู่กับ Next.js จะทำให้การจัดการเนื้อหามีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีอินเทอร์เฟซที่คุ้นเคยทำให้ง่ายต่อผู้ดูแลระบบ
- การค้นหา SEO ที่ง่ายขึ้น: เมื่อ Next.js รวมเข้ากับปลั๊กอิน SEO จาก WordPress จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดอันดับการค้นหาได้ดีขึ้น
- เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานที่ราบรื่น: เมื่อ Next.js รวมเข้ากับ WordPressจะช่วยเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเพจ ทำให้เกิดอันดับการค้นหาดีขึ้นคอมมูนิตี้ที่หลากหลายและง่ายต่อการหาความรู้: Next.js และ WordPress มี กลุ่มคอมมูนิตี้ขนาดใหญ่ที่มีการอัพเดทเนื้อหาตลอดเวลาและง่ายต่อการค้นหาความรู้
ข้อเสียของการใช้งาน Next.js รวมกับ WordPress
- ขอบเขตงานของ WordPress: แม้ว่า WordPress จะมีกลุ่มคอมมูนิตี้ที่กว้างขวาง และสามารถจัดการเว็บไซต์ได้หลายประเภท แต่โครงสร้างโดยธรรมชาติและการพึ่งพาปลั๊กอินอาจทำให้ไม่เหมาะสำหรับโปรเจกต์ที่มีความซับซ้อนหรือใช้ความเชี่ยวชาญสูง
- ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในการใช้ปลั๊กอิน: การใช้ปลั๊กอินใน WordPress หลายประเภท อาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มปลั๊กอินพรีเมียม
- ความเสี่ยงของการ Integration : การใช้งาน Next.js ควบคู่กับ WordPress อาจต้องใช้การจัดการข้อมูลที่ละเอียดและมีการวางแผนทำงานที่ชัดเจนมากขึ้น
- ความซับซ้อนของการ Routing : เมื่อใช้งานทั้งสองอย่างด้วยกัน ทำให้เกิด Dynamic routes ที่ต้องมีการกำหนดเส้นทางที่หลากหลาย ดังนั้นจึงต้องใช้โค้ดที่กำหนดเองและมีการวางแผนอย่างรอบคอบสำหรับ URL ให้ใช้งานง่าย
คำแนะนำดี ๆ จากเหล่านักพัฒนาของเรา
Usman หนึ่งในนักพัฒนาเว็บไซต์ที่มีประสบการณ์มากกว่า 6 ปี ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้งาน Next.js ควบคู่กับ WordPress ว่า “การใช้ REST API และ GraphQL เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาเว็บไซต์ ควรรู้จักการใช้ Static Genertionให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดโดยที่ไม่ต้องสูญเสียประโยชน์ของ Server-side reendering
✨🎯
นอกจากนี้เราควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าโครงสร้างของข้อมูลถูกต้องและไม่ซับซ้อนสำหรับ WordPress เพื่อทำให้ SEO มีการจัดอันดับที่ดีขึ้น
การใช้งาน Next.js ควบคู่กับ Strapi
Strapi เป็น CMS ที่น้องใหม่ใหม่ มีความสามารถที่คล้ายคลึงกับ WordPress แต่โดดเด่นที่สามารถใช้งานง่ายผ่านปลั๊กอินแบบกำหนดเองได้เหมาะสมกับโปรเจคที่ต้องการโซลูชันที่ออกแบบโดยเฉพาะ สามารถขยายสเกลได้ และเมื่อทำงานควบคู่กับ Next.js จะทำให้ได้เว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพสูงและตอบสนองได้ดี
ข้อดีของการใช้งาน Next.js ควบคู่กับ Strapi
- การรวมเข้ากับ API: ทั้ง Next.js และ Strapi ได้รับการออกแบบโดยเน้นไปที่API-first approach เพื่อให้มั่นใจว่าการจัดการข้อมูลมีประสิทธิภาพและการใช้งานที่ราบรื่น
- Headless ที่มีความยืดหยุ่น: Strapi เป็นHeadless CMS ที่มอบความยืดหยุ่นในการจัดโครงสร้างหรับโปรเจกต์ที่หลากหลาย
- ความสามารถในการปรับขนาด: โครงสร้างแบบ Headless ของ Strapi และเน้นการใช้ API เป็นหลัก ทำให้สามารถปรับขนาดและปรับเปลี่ยนสเกลได้ตามความต้องการของโปรเจกต์
- ความปลอดภัยสูง: การใช้ Next.js ควบคู่กับ Strapi ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของ Server-side rendering โดยการใช้ API และวิธีระบุตัวตนที่ทันสมัย
ข้อเสียของการใช้งาน Next.js ควบคู่กับ Strapi
- ความซับซ้อนในการตั้งค่าเริ่มต้น: การตั้งค่า Strapi และการกำหนดประเภทเนื้อหาที่กำหนดเองได้ อาจมีความซับซ้อน
- ความพยายามในการปรับแต่ง: การปรับแต่ง Strapi API อาจต้องใช้ความพยายามในการพัฒนาและปรับแต่งให้มีความครอบคลุมตามข้อกำหนดของโปรเจกต์
- การอัปเดตที่ต่อเนื่อง: Strapi เป็น CMS รุ่นใหม่และมีการอัปเดตบ่อยครั้ง แม้แต่เวอร์ชันปัจจุบันก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงทุกสัปดาห์ ทำให้เกิดความท้าทายสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการความเสถียรของซอฟต์แวร์
คำแนะนำดี ๆ จากเหล่านักพัฒนาของเรา
Amira นักพัฒนาผู้มีประสบการ์ณในเส้นทางซอฟต์แวร์กว่า 5 ปี แนะนำว่า “การทำให้ API ใช้งานง่ายขึ้น เราจะต้องเข้าใจการ Caching และใช้ประโยชน์จากการโหลดรูปภาพแบบ Lazy Loading ของ Next.js ที่จะช่วยจัดการข้อผิดพลาด และปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งาน”
นอกจากนี้ Amiraยังเน้นย้ำถึงการอัปเดต Next.js และ Strapi ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อการใช้งานที่ง่ายอีกด้วย
การใช้งาน Next.js ควบคู่กับ Shopify
Shopify เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมสำหรับธุรกิจออนไลน์ และมีเว็บไซต์มากกว่า 4.36 ล้านเว็บไซต์ ใช้งาน Shopify อย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย กลุ่มคอมมูนิตี้ขนาดใหญ่ และความสามารถในขยายสเกล ดังนั้นการใช้งานร่วมกับ Next.js จึงช่วยยกระดับความสามารถรอบด้านของ Shopify
ข้อดีของการใช้งาน Next.js ควบคู่กับ Shopify
- แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่: โครงสร้างพื้นฐานแพลตฟอร์มของ Shopify มีการรองรับฟังก์ชันที่ครอบคลุม ทำให้เกิดความเชื่อมั่นสำหรับร้านค้าออนไลน์
- CMS ที่ใช้งานง่าย: แดชบอร์ดของ Shopify เข้าใจง่าย ช่วยให้การจัดการสินค้าและคำสั่งซื้อสะดวกสบาย อีกทั้งผู้ดูแลระบบสามารถจัดการร้านค้าได้ดีขึ้น
- ประสิทธิภาพ: Server-side render ของ Next.js ช่วยให้การโหลดเว็บไซต์เร็วผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น และช่วยให้ลำดับคำค้นหาง่ายขึ้นใน SEO
- UX/UI ที่ยืดหยุ่น: การรวมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของอินเทอร์เฟซและประสบการณ์ผู้ใช้ดียิ่งขึ้น
- ความสามารถในการขยายสเกล: เมื่อใช้ทั้งสองอย่างร่วมกันทำให้รองรับจำนวนเข้าผู้เข้าชมเว็บไซต์ขนาดมากได้
ข้อเสียของการใช้งาน Next.js ควบคู่กับ Shopify
- ข้อจำกัดการใช้ API: คำขอใช้ API อาจมีข้อจำกัด และส่งผลต่อการเรียกใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์
- การปรับปรุงส่วนหน้าของเว็บไซต์: การสร้างธีม Shopify แบบเดิมมีความท้าทายและใช้เวลานานในการทำ
การชำระเงินที่อาจซับซ้อน: การปรับแต่งธุรกรรมทางการเงิน เช่น การชำระเงิน อาจต้องใช้วิธีการที่ซับซ้อนขึ้น เนื่องจากความท้าทายของการรวม Next.js และ Shopify
คำแนะนำดี ๆ จากเหล่านักพัฒนาของเรา
Anik Sarker นักพัฒนา Full Stack และผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซ พร้อมประสบการณ์การเขียนโค้ดมากกว่า 3 ปี ได้ให้ข้อคิดเห็นว่า “การใช้ API เป็นสิ่งจำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ช ดังนั้นควรให้ความสำคัญในการใช้ Shopify กับ API ให้เกิดประโยชน์ และพัฒนาระบบการชำระเงินที่ไร้รอยต่อ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้ลูกค้า”
เสริมศักยภาพโซลูชันเว็บไซต์ด้วยการใช้ Next.js
การใช้ Next.js ควบคู่กับเฟรมเวิร์คต่าง ๆ เช่น WordPress, Strapi และ Shopify สามารถเผชิญกับความท้าทายได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามNext.js ได้เข้ามาช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้าน Server-side render ที่ช่วยยกระดับการค้นหา SEO และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้
Trienpont Internationalเข้าใจถึงความซับซ้อนในการใช้งาน Next.js ควบคู่กับเฟรมเวิร์คต่าง ๆ (WordPress, Strapi และ Shopify) นักพัฒนาที่มีประสบการณ์ของเรามีความเชี่ยวชาญในการควบคุมศักยภาพของ Next.js เพื่อมอบซอฟต์แวร์โซลูชันที่หลากหลายให้แก่ลูกค้า หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับการใช้ Next.js เราพร้อมให้คำแนะนำ และช่วยเหลือให้โปรเจกต์ของคุณสำเร็จ